Language : Thai   English   Chinese   French   Japanese   Korean   Russian  
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
คำถาม คำตอบ

คำถาม-คำตอบ

คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) คืออะไร ?
ตอบ

น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่เก่าแก่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ในสภาพที่บริสุทธิ์จะใสเหมือนน้ำ ไม่มีสี ไม่เหม็นหืน มีกลิ่นของมะพร้าวอ่อนๆ ถึงแรง ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต เป็นน้ำมันที่มีคุณค่าต่อสุขภาพมากเป็นอันดับต้นๆของโลก เนื่องจากมีส่วนประกอบสำคัญคล้ายกับไขมันในน้ำนมมารดาที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารก และเป็นน้ำมันชนิดเดียวในโลกที่มีแคลอรี่ต่ำ มีกรดไขมันอิ่มตัวสายโซ่ปานกลาง (Medium chain fatty acid) ซึ่งสลายตัวเป็นพลังงานและไม่สะสมเป็นไขมันภายในร่างกาย


คำถาม
มะพร้าวจัดเป็นผลไม้แห้งเปลือกแข็ง (Nut) หรือผลไม้ (Fruit) หรือพืช (Vegetable) ?
ตอบ
แท้จริงแล้ว มะพร้าวสามารถเป็นได้ทั้ง 3 กรณีดังที่กล่าว โดยเนื้อมะพร้าวถูกจัดอยู่ในประเภทผลไม้ และผลมะพร้าวถูกจัดอยู่ในประเภทผลไม้แห้งเปลือกแข็ง และน้ำมันมะพร้าวถูกจัดอยู่ในประเภทน้ำมันพืช

คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) มีสถานะเป็นของแข็งหรือของเหลว ?
ตอบ
น้ำมันมะพร้าวมีสถานะเป็นของเหลวเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 25 องศาเซลเซียสโดยประมาณ และจะมีสถานะเป็นของแข็งเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส และเราสามารถทำให้มันเป็นของเหลวได้อย่างง่ายโดยใช้ความร้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น แช่บรรจุภัณฑ์นั้นๆ ลงในน้ำอุ่น ณ อุณหภูมิไม่เกิน 80 องศาเซลเซียส

คำถาม

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) ที่ดีมีลักษณะเป็นอย่างไร ?

ตอบ
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ที่ดีจะต้องมีลักษณะใสเหมือนน้ำ ความหนืดต่ำ ไม่ข้น ไม่เหม็นหืน ไม่เหม็นเปรี้ยว มีกลิ่นหอมของมะพร้าวอ่อนๆ ถ้าใช้ทาผิวจะต้องซึมสู่ผิวได้ดี ไม่เหนอะหนะ

คำถาม

การผลิตน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin coconut Oil) ด้วยวิธีการเหวี่ยงแยก (Centrifugal Process) มีข้อดีอย่างไร ?

ตอบ
การเหวี่ยงแยก ( Centrifugal Process) คือกระบวนการผลิตซึ่งอาศัยหลักการความแตกต่างกันระหว่างความหนาแน่นของสสาร (น้ำ น้ำมันมะพร้าว และตะกอน) โดยสสารที่มีความหนาแน่น (density) สูงกว่า ในที่นีคือน้ำและตะกอนจะถูกเหวี่ยงแยกออก ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ระยะ เวลาสั้นในการผลิตและบรรจุ จึงส่งผลให้มีโอกาสปนเปื้อนต่ำและสามารถรักษาคุณภาพของน้ำมันมะพร้าวได้ดี น้ำมันที่ได้จึงเหมาะแก่การบริโภค ไม่เหม็นหืน มีลักษณะใสเหมือนน้ำ ความหนืดต่ำ ซึ่งวิธีการนี้สามารถแยกชั้นน้ำและตะกอนออกจากน้ำมันได้อย่างสมบูรณ์

คำถาม
ได้ยินมาว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง มันไม่ดีต่อสุขภาพไม่ใช่หรือ ?
ตอบ

เราถูกปลูกฝังมาว่าน้ำมันทุกชนิดที่มีกรดไขมันอิ่มตัวไม่ดีต่อร่างกายทำให้เกิดโรคต่างๆมากมาย แต่มันก็มีข้อยกเว้นสำหรับน้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวที่มาจากพืชไม่ใช่มาจากสัตว์ เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวขนาดสายโซ่ปานกลางซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ บางคนถึงกับพูดว่า

"น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดในโลก"

เราอยากให้คุณลอง search หาใน google คำว่า virgin coconut oil คุณจะพบว่ามีน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ขายอยู่มากมายและส่วนใหญ่ขายอยู่ในอเมริกามากกว่า 30 แบรนด์ ! ทำไมล่ะ ? ประเทศอเมริกา เป็นประเทศที่เข้มงวดมากในเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งถ้ามันไม่ดีต่อสุขภาพ แล้วทำไมถึงมีน้ำมันมะพร้าวขายมากกว่า 30 แบรนด์ ในอเมริกา


คำถาม

น้ำมันที่ประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fatty acid) มีผลเสียต่อร่างกายอย่างไร ?

ตอบ

นักโภชนาการแนะนำให้เราลดไขมันอิ่มตัวในอาหาร ทำให้ต้องไปเพิ่มไขมันไม่อิ่มตัว ที่กลับมีผลเลวร้ายต่อสุขภาพกว่าน้ำมันหมู เพราะ ไขมันไม่อิ่มตัว มีพันธะคู่ซึ่งสามารถทำปฏิกริยากับออกซิเจนและเกิดอนุมูลอิสระได้ง่ายๆ ไขมันไม่อิ่มตัวจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ความร้อน แสง เกิดความหืน และอนุมูลอิสระ ซึ่งไปลดสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในร่างกาย ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไปทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อ


คำถาม
เราควรจะบริโภคน้ำมันมะพร้าวปริมาณเท่าใดในแต่ละวัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ?
ตอบ

ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวนั้น โดยหลักๆ มาจากคุณค่าสารอาหารจากกรดไขมันสายโซ่ปานกลาง ( Medium chain fatty acids) ในการเปรียบเทียบปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภคนั้น เราสามารถเปรียบเทียบกับปริมาณการบริโภคน้ำนมมารดาซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันสายโซ่ปานกลาง (Medium chain fatty acids) ของทารกซึ่งได้รับอย่างเพียงพอในวันหนึ่งๆ ซึ่งพบว่าผู้ใหญ่นั้นควรบริโภคในปริมาณประมาณ 3 ช้อนโต๊ะในแต่ละวันตามการศึกษาวิจัย ด้วยเหตุที่ว่าน้ำมันมะพร้าวสามารถพบได้ในเนื้อมะพร้าว มันจึงถูกแนะนำให้บริโภคในปริมาณหนึ่งๆ ในแต่ละวันร่วมกับอาหารที่ประกอบด้วยไฟเบอร์และโปรตีน อย่างไรก็ตาม เราควรเริ่มรับประทานในปริมาณน้อยๆ ในช่วงแรก เพื่อที่จะได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงและผลตอบสนองที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเรา และค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นจนถึงปริมาณที่เหมาะสมสำหรับคนนั้นๆ

ตารางแนะนำการบริโภคน้ำมันมะพร้าวต่อวันเทียบกับน้ำหนักตัว

น้ำหนักตัว ช้อนโต๊ะต่อวัน
80.1 กิโลกรัม ขึ้นไป
2.5 - 3
60.1 - 80.0 กิโลกรัม
1.5 - 2
50.1 - 60.0 กิโลกรัม
1
40.1 - 50.0 กิโลกรัม
1
30.0 - 40.0 กิโลกรัม
0.5

จากตารางจะเห็นว่า เราจะแนะนำให้คนทั่วไปกินน้ำมันมะพร้าวประมาณ 1-3 ช้อนโต๊ะต่อวัน และจะเพิ่มขึ้นตามน้ำหนักตัวซึ่งกลับจะลดน้ำหนักหรือไขมันในเลือด แต่ทั้งนี้เมื่อน้ำหนักลดลงแล้วต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินด้วย อย่ากินแต่แป้ง ข้าวขัดขาว อาหารขยะ นม รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนมวัว น้ำอัดลม ขนมกรุงกรอบ ให้หันมากินข้างกล้องและผักผลไม้ให้มากขึ้น รวมทั้งหมั่นออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญแคลอรีส่วนเกินออกไปด้วย


คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) มีผลข้างเคียงหรือผลเสียหรือไม่ ?
ตอบ
อย่างที่ทราบกันว่า ผู้คนจำนวนมากในอดีตได้ใช้ประโยชน์อันมากมายจากน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นอาหาร ไม่ใช่ยา ดังนั้นมันจึงไม่มีผลข้างเคียงใดๆ แต่อาจจะเกิดขึ้นกับบางรายได้ โดยอาการส่วนใหญ่คือ อาการท้องเสีย ซึ่งพบได้ในผู้ที่เคยลดน้ำหนักอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าอาหารใดๆก็ตาม คนบางคนก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดอาการแพ้ได้ เช่นเดียวกับน้ำมันมะพร้าว ดังนั้นในช่วงแรกเราควรรับประทานในปริมาณน้อยๆ ก่อนเพื่อดูผลตอบสนองที่เกิดขึ้นภายในร่างกายเสียก่อน

คำถาม
เราได้รับสารอาหารอะไรบ้างจากน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็นและสารอาหารเหล่านั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไร ?
ตอบ
น้ำมันมะพร้าวที่ได้จากกระบวนการสกัดเย็นนั้น จะอุดมไปด้วยกรดลอริก (Lauric acid) มากกว่า 50 % ของปริมาณกรดไขมันอิ่มตัวทั้งหมด ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกันที่พบในน้ำนมมารดา มีคุณสมบัติพิเศษในการเสริมสุขภาพความงาม เมื่อบริโภคเข้าสู่ร่างกายแล้วกรดลอริคจะเปลี่ยนเป็นโมโนลอริก (Mono Lauric) ซึ่งป็นตัวสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดขาว ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง มีสารปฏิชีวนะที่ทำลายเชื้อโรคได้หลายชนิด ตั้งแต่เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไปจนถึงไวรัสซึ่งมีเกราะไขมันหุ้มเซลล์อยู่ กรดลอริกมีกลไกที่เข้าไปทำลายเกราะไขมันหุ้มเซลล์ไวรัส ทำให้เชื้อไวรัสหลายชนิดตาย อีกทั้งยังประกอบไปด้วยวิตามินอี ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย

คำถาม
เราสามารถนำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) ไปใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง ?
ตอบ
มีหลากหลายวิธีในการนำน้ำมันมะพร้าวไปใช้และใช้ประกอบกับอาหารของคุณ เนื่องด้วยน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีความเสถียรสูง มันจึงสามารถใช้แทนที่น้ำมันที่ให้ผลเสียต่อสุขภาพได้ และเนื่องจากสถานะของมันสามารถเปลี่ยนเป็นของแข็งได้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เมื่อมันอยู่ในสถานะของแข็ง เราจะเรียกมันว่า เนยมะพร้าว (Coconut butter) หรือเนยมะพร้าวเทียม (Coconut margarine) ซึ่งเราสามารถใช้ในการทาขนมปังได้ น้ำมันมะพร้าวสามารถใช้ผสมกับน้ำมันชนิดอื่นๆได้อย่างเข้ากันดี ผู้คนจำนวนมากรับประทานหลังจากที่นำไปแช่ในตู้เย็นแล้ว ซึ่งเราจะได้รสชาติที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับการรับประทานน้ำมันมะพร้าวในรูปของเหลว บางคนกล่าวว่ารสชาติของมันเหมือนลูกกวาด บางคนก็กล่าวว่ารสชาติเหมือน White chocolate

คำถาม

อาหารประเภทไหน ที่เราควรใช้น้ำมันมะพร้าวในการทำอาหารมากที่สุด ?

ตอบ
อาหารประเภททอด เพราะว่า น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวทำให้มีจุดเดือดสูง เกิดปฏิกริยาออกซิไดเซชั่น และกรดไขมันที่แปรสภาพ (Trans fatty acid) น้อย ซึ่งกรดไขมันที่แปรสภาพ (Trans fatty acid) เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการเกิดโรคแห่งความเสื่อมมากมาย เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน

คำถาม

น้ำมันทรานส์ (Trans fatty acid) เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ตอบ

โครงสร้างของโมเลกุลไขมัน

1.  เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม คือในกระบวนการสกัดน้ำมันพืชของโรงงานซึ่งใช้อุณหภูมิสูง ทำให้น้ำมันนั้นบิดตัวทางโครงสร้าง กลายเป็นน้ำมันทรานส์แทรกซึมอยู่
2.  เกิดในครัวเรือน คือการทอดน้ำมันจนท่วม แถมน้ำมันนั้นใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็สามารถทำให้เกิดน้ำมันทรานส์ได้เช่นกัน

สำหรับคนไทย ส่วนใหญ่ผู้ที่รับประทานน้ำมันทรานส์จะเกิดจากการนำน้ำมันมาใช้ทอดซ้ำ


คำถาม

น้ำมันทรานส์ (Trans fatty acid) มีประโยชน์และโทษอย่างไรบ้าง ?

ตอบ

ประโยชน์ของน้ำมันทรานส์
น้ำมันชนิดนี้เมื่อนำไปทำอาหารจะไม่เหนียวเหนอะหนะ  ช่วยให้เก็บรักษาได้ยาวนานขึ้นโดยไม่เหม็นหืน และยัง ช่วยให้อาหารกรอบอร่อยอีกด้วย

โทษของน้ำมันทรานส์
น้ำมันทรานส์เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้เชื้อโรคและสารพิษเข้าสู่เซลล์ได้โดยง่าย เกิดโรคหัวใจ ความดันเลือดสูง เพราะการเพิ่มขึ้นของ LDL และลด HDL นอกจากนี้ยังขัดขวางกระบวกการขจัดคลอเรสเตอรอลและการเปลี่ยนไปเป็นพลังงานในตับ ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเป็นเบาหวานอีกด้วย


คำถาม

ในปัจจุบันมีน้ำมันประเภทไหนบ้าง ที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าส่งผลเสียต่อร่างกาย เมื่อบริโภคเข้าไป ?

ตอบ

ในปัจจุบัน มีน้ำมัน 2 ประเภทที่มีหลักฐายยืนยันชัดเจนว่าส่งผลเสียต่อร่างกาย คือ ไขมันที่มาจากสัตว์ และไขมันที่มาจากกระบวนการไฮโดรจิไนเซชั่น (Hydroginization Process) ที่เปลี่ยนน้ำมันพืชกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนให้แข็งตัวที่ระดับอุณหภูมิห้อง ทั้ง 2 ประเภทนี้จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ


คำถาม
ปกติที่เราทานอาหาร 3 มื้อ เราก็ทานน้ำมันต่างๆอยู่แล้ว ถ้าเราทานน้ำมันมะพร้าวไปอีกวันละ 3 ช้อนโต๊ะ จะเป็นการทานมากไปหรือเปล่า ?
ตอบ

น้ำมันที่เรารับประทานอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ปาล์ม ถั่วเหลือง ข้าวโพด ทานตะวัน มะกอก ล้วนเป็นกรดไขมันสายยาว ในขณะที่น้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันสายโซ่ปานกลาง แม้มันจะเป็นไขมันอิ่มตัวก็ตาม  มีหลายงานวิจัยที่ได้แนะนำการรับประทานไขมันสายโซ่ปานกลาง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะย่อยสลายกลายเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สะสมตามส่วนต่างๆของร่างกายเหมือนกรดไขมันสายโซ่ยาว    สมาคมหัวใจของ usa ได้แนะนำการรับประทานน้ำมันไว้ไม่เกิน 30 % ของแคลอรีรวม  วันหนึ่ง เราสามารถรับประทานประมาณ 2500 cal เพราะฉะนั้น 30 % ก็จะได้ 750 แคลอรีต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นกรดไขมันอิ่มตัว 1/3 ก็จะได้ 250 แคลอรีต่อวัน ซึ่งจะได้น้ำมันมะพร้าวประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน  ส่วนที่เหลือจะเป็นไขมันไม่อิ่มตัว หรือที่เรารับประทานทั่วๆไป ในการประกอบอาหาร ทางที่ดีให้หลีกเลี่ยงการรับประทานของมันๆทั้งหลาย เพราะใช้น้ำมันไม่อิ่มตัว แล้วนำมาทอดซ้ำกันอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้น้ำมันกลายสภาพเป็น trans fat ทันที หรือถ้าไม่ทอดซ้ำ ก็ให้รับประทานปริมาณน้อยๆ เนื่องจากเป็นกรดไขมันสาบโซ่ยาว ซึ่งเมื่อเข้าไปในร่างกายจะย่อยสลายได้ยาก

นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสติกุล ให้ความเห็นเกี่ยวกับการรับประทานน้ำมันดังนี้
1.  รับประทานน้ำมันอิ่มตัว 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำมันที่รับประทานในแต่ละวัน ประมาณ 250 แคลอรีต่อวัน น้ำมันที่แนะนำคือ น้ำมันมะพร้าว
2.  รับประทานน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำมันที่รับประทานในแต่ละวัน ประมาณ 250 แคลอรีต่อวัน น้ำมันที่แนะนำคือ น้ำมันเมล็ดชา และน้ำมันมะกอก
3. รับประทานน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำมันที่รับประทานในแต่ละวัน ประมาณ 250 แคลอรี/วัน  ได้แก่ น้ำมันพืชชนิดอื่นๆ


คำถาม
เราควรจะเก็บน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ไว้ในตู้เย็นหรือไม่ และสามารถเก็บไว้ได้นานเท่าไหร่ ?
ตอบ
เราไม่จำเป็นต้องเก็บน้ำมันมะพร้าวไว้ในตู้เย็น เพราะว่าน้ำมันมะพร้าวมีความเสถียรสูงซึ่งทำปฎิกริยากับสารอื่นๆ ได้ต่ำมาก เราสามารถเก็บน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) ไว้ได้ถึง 2 ปี อย่างไรก็ตามเราสามารถยืดวันหมดอายุของมันไปได้อีก โดยการเก็บไม่ให้สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง

คำถาม
การทำอาหารโดยใช้น้ำมันมะพร้าวจะทำให้มันกลายเป็น Hydrogenated Oil หรือไม่ และเป็นอันตรายเหมือนกับการใช้น้ำมันที่มีการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenated Oil) ลงไปหรือไม่ ?
ตอบ
กระบวนการไฮโดรจิเนชั่น (Hydrogenation process) คือกระบวนการในระดับอุตสาหกรรม โดยใช้วิธีการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ำมันเพื่อทำให้เป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตคือ กรดไขมันที่แปรสภาพ (Trans fatty acid) เป็นผลผลิตจากกระบวนการเติมไฮโดรเจน ซึ่งเป็นกรดไขมันที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเป็นไขมันที่ก่อมะเร็ง น้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นน้ำมันที่มีความเสถียรสูงแม้ว่าที่อุณหภูมิสูงก็ตาม ดังนั้นมันจึงเป็นน้ำมันที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในการนำมาใช้ในการประกอบอาหาร อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้ความร้อนที่สูงเกินจุดควัน (Smoke point) ของมัน ซึ่ง ณ จุดนี้จะทำให้น้ำมันมะพร้าวเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองได้ และเมื่อมันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองดำ เราควรจะต้องเปลี่ยนน้ำมันใหม่ทันที จุดควันของน้ำมันมะพร้าวสามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้โดยการเติมน้ำมันปาล์มสายโซ่สั้น (Palm shortening) หรือน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (Virgin palm oil)
*จุดควัน (Smoke point) ในที่นี้คือ อุณหภูมิแรก ณ จุดที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวเกิดควันขึ้น

คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) มีประโยชน์อย่างไร ต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ?
ตอบ

โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
ชนิดที่ 1: ร่างกายไม่สามารถสร้างอินซูลินอย่างพอเพียง
ชนิดที่ 2: ร่างกายสร้างอินซูลินได้ แต่เซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน

ได้มีการศึกษาพบว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดได้ช่วยให้ร่างกายเพิ่มการสร้างอินซูลิน และปรับเปลี่ยนให้เซลล์ตอบสนองต่ออินซูลิน (Garfinkel et al. 1992; Han et al. 2003) ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจึงแก้โรคเบา หวานทั้ง 2 ชนิดได้ ผู้ป่วยที่มือเท้าสูญเสียความรู้สึก กลับมามีความรู้สึกได้ เมื่อเติมน้ำมันมะพร้าวในอาหารเพียงไม่กี่สัปดาห์

โดยปรกติหลังจากรับประทานอาหาร ผู้ป่วยจะมีน้ำตาลในเลือดมาก ปริมาณน้ำตาลที่สูงนี้สร้างปัญหาต่อสุขภาพ ผู้ป่วยจึงต้องตรวจน้ำตาลใน เลือด หากมีน้ำตาลในระดับสูงจำเป็นต้องฉีดอินซูลินเพื่อลดน้ำตาล การบริโภคน้ำมันมะพร้าวจะช่วยลดการนำน้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือด ผู้ป่วย บางคนสามารถควบคุมและลดปริมาณน้ำตาลในเลือด โดยการเติมน้ำมันมะพร้าวลงในอาหาร (Fife 2006)


ที่มา: เอกสารวิชาการ "มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว" โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา


คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) ปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์หรือไม่ ?
ตอบ
น้ำมันมะพร้าวคืออาหาร และเป็นอาหารหลักของพวกเรามาตั้งแต่อดีตกาล มันจึงปลอดภัยสำหรับทุกๆคน อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณยังไม่เคยบริโภคน้ำมันมะพร้าว คุณควรจะรับประทานเริ่มต้นทีละน้อยก่อนเสมอ

คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) มีประโยชน์อย่างไร่ต่อผู้ที่เป็นโรคตับ ?
ตอบ

กรดไขมันสายสั้นและสายกลางเป็นกรดไขมันโมเลกุลเล็ก หากกินเข้าไปมันจะถูกดูดซึมเข้าสู่ตับโดยตรง แล้วจะถูกใช้เป็นพลังงานของตับ ซึ่งจะมีประโยชน์ ในกรณีของตับอักเสบเรื้อรัง หากจะให้แนะนำการรับประทานน้ำมันมะพร้าว เพื่อรับเอากรดไขมันขนาดกลางและสั้น จำเป็นจะต้อง
1. งดน้ำมันอย่างอื่นทั้งหมดรวมทั้งกะทิ เพื่อป้องกันไม่ให้มีไขมันมากเกินไปให้เป็นปัญหาต่อตับอีก
2. ใช้น้ำมันมะพร้าวเพียงเล็กน้อย แนะนำว่าใช้เพียงวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก็เพียงพอแล้ว ถึงน้ำมันมะพร้าวจะมีประโยชน์ก็ต้องไม่ใช้มากกว่านี้


ที่มา : หนังสือเรื่อง ไวรัสตับอักเสบ บำบัดได้ด้วยวิธีธรรมชาติ


คำถาม

การตรวจสอบสุขภาพโดยดุจากค่าคลอเรสเตอรอลนั้นทำได้อย่างไร ?

ตอบ

วิธีเปรียบเทียบที่สำคัญที่เราควรรู้ไว้เป็นพื้นฐานสำหรับเวลาไปหาหมอตรวจสุขภาพ ให้ดูไขมันทั้ง 3 ชนิดโดยดูสัดส่วนดังนี้

1. สัดส่วนของ  Total Chol / HDL-Chol  ควรน้อยกว่า 4.6
2. สัดส่วนของ  LDL-Chol / HDL-Chol ควรน้อยกว่า 3

ซึ่งจะพบว่า ผู้ที่มีคลอเรสเตอรอลรวมเยอะก็ไม่ได้หมายความว่าสุขภาพไม่ดี ต้องมาดูกันที่คลอเรสเตอรอลตัวอื่นๆประกอบด้วย ถ้า HDL-Chol  เพิ่มขึ้นก็แสดงถึงสุขภาวะที่ดี แต่ในทางกลับกัน ถ้าคลอเรสเตอรอลรวมเพิ่มขึ้น แต่ LDL-Chol ไม่เพิ่ม ต้องลองเอา LDL-Chol และ HDL-Chol มาหารกันดู ถ้า LDL-Chol ไม่ได้มากกว่า HDL-Chol เกิน 3 เท่า ก็ยังถือว่าปลอดภัย


คำถาม

ทำไมน้ำมันมะพร้าวถึงเป็นน้ำมันที่ดีต่อโรคหัวใจ ?

ตอบ

1. ไม่เพิ่มระดับคอเรสเตอรอลในเลือด
2. ไม่ได้ทำให้เกล็ดเลือดซึ่งมีขนาดครึ่งหนึ่งของเม็ดเลือดแดงจับตัวกันเป็นลิ่มเลือด
3.  ช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลทั้งในเลือดและในตับ
4.  เพิ่มการสะสมของสารต้านอนุมูลอิสระ

ที่มา : หนังสือ "น้ำมันมะพร้าวรักษาโรค" โดย นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล และ ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา


คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) มีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจได้อย่างไร ?
ตอบ

ความคิดและความเชื่อว่าน้ำมันมะพร้าวซึ่งมีไขมันอิ่มตัวสูงนั้นเป็นต้นเหตุของโรคหัวใจนั้นอยู่คู่กับชาวโลกมานานหลายสิบปี จนเมือไม่นานมานี้เริ่มมีข้อมูลใหม่เกิดขึ้นคือน้ำมันมะพร้าวไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งอย่างรุนแรงกับข้อมูลเดิม

มาพิจารณากันที่ความจริงที่เกิดกับชาวหมู่เกาะแปซิฟิกและชาวศรีลังกา ซึ่งเป็นชนชาติที่กินน้ำมันมะพร้าวกันมาก พบว่าไม่มีใครมีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลสูง โรคอ้วน ไม่มีใครท้องผูกหรือมีปัญหาระบบขับถ่าย ไม่มีใครป่วนเป็นโรคไต แม้กระทั่งโรคหัวใจ ในประทศศรีลังกามีอัตราการเกิดโรคหัวใจเพียง หนึ่งแสนคนเท่านั้น ซึ่งถ้าน้ำมันมะพร้าวไม่ดีต่อสุขภาพจริง ชาวเกาะทั้งหลายหรือแม้แต่ชาวศรีลังกาก็คงป่วยตายกันไปหมดแล้ว

ชอร์แลนด์และคณะเสนองานวิจัยทางระบาดวิทยาว่าด้วยเรื่องไขมันเลือดของชาวเกาะโพลีนีเซียนซึ่งกินน้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารประจำวันมาก เขาพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีระดับคลอเรสเตอรอลต่ำ และมีอัตราโรคเส้นเลือดแข็งต่ำกว่ากลุ่มคนชาวยุโรป รวมทั้งชาวเกาะที่กินอาหารแบบตะวันตกด้วย (Shorland, F.B., et al. Studies on fatty acid composition of adipose tissue and blood lipids of Polynesians. Am J Clin Nutr 1969; 22(5): 594-605.)

ความรู้นี้ได้รับการยืนยันในปี  ค.ศ. 1981 ด้วยงานของไพเออร์ที่พบว่าชาวเกาะซึ่งกินน้ำมันมะพร้าวเกิน 50% ของแคอรีรวมกลับไม่มีปัญหาเรื่องระดับคอเลสเตอรอล งานของไพเออร์ดูละเอียดลึกเข้าไปถึงอาหารของชาวเกาะ และพบว่าพวกเขากินน้ำมันมะพร้าวมากถึงวันละ 100 กรัม ซึ่งให้แคลอรีสูงถึง 900 กิโลแคลอรี แต่กลับไม่พบโรคหัวใจ โรคเบาหวาน มะเร็ง และโรคไทรอยด์ต่ำ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทำนองเดียวกันอีกหลายชิ้นที่พบความปลอดภัยของน้ำมันมะพร้าวต่อโรคหัวใจอีกด้วย

ที่มา : หนังสือ น้ำมันมะพร้าวรักษาโรค โดย นพ.บรรจบ ชุณหสวัสติกุล และ ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา หน้า 25-28

คำถาม
ทำไมกินน้ำมันมะพร้าวแล้วถึงไม่อ้วน และยังช่วยลดความอ้วนได้อีกด้วยจริงหรือไม่ ?
ตอบ

อาหารที่เรากินเข้าไปนั้นมีส่วนประกอบของไขมันอยู่ ไขมันที่เรากินเข้าไปนั้นจะแตกตัวออกเป็นกรดไขมันสายโซ่โมเลกุลต่างๆกันมากมายโดยเอนไซม์เลเปส ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้จะไปยึดจับกับเซลล์ไขมันของเราโดยตรง และสะสมในปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เมิ่อเปรียบเทียบกับสารอาหารอื่นๆ เช่น โปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรต จะถูกย่อยสลายและใช้เป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ถ้าเรารับประทานโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตมากเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะทำให้เราอ้วนได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งเป็นประเภทไขมันนั้นจะไปสะสมที่เซลล์ไขมันของเราโดยตรง และวิธีที่จะกำจัดมันทิ้งคือการใช้พลังงานของร่างกายให้มากกว่าพลังงานที่รับเข้าไป เราจึงจะสามารถดึงไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้เป็นพลังงานได้

ร่างกายของมนุษย์สามารถเปลี่ยนน้ำมันมะพร้าวที่มีสายโซ่โมเลกุลขนาดกลาง (C8 - C14) ให้เป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว โดยมันจะไม่เข้าสู่กระแสเลือดเหมือนไขมันชนิดอื่นๆ และได้มีการวิจัยว่าน้ำมันมะพร้าวมีปริมาณคอเลสเตอรอลน้อยที่สุด เพียง 14 ส่วนในล้านส่วนเมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่นๆ เมื่อเราบริโภคเข้าสู่ร่างกายมันจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ตับอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่เกิดการสะสมเป็นไขมันในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย และน้ำมันมะพร้าวยังไปกระตุ้นอัตราการเผาผลาญพลังงาน (Metabolic rate) ไขมันส่วนเกินที่สะสมไว้ในส่วนต่างๆของร่างกายให้เป็นพลังงานอีกด้วย จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักและลดความอ้วนได้ อย่างไรก็ตามเราควรที่จะต้องออกกำลังกายร่วมด้วยเพื่อสร้างเซลล์กล้ามเนื้อ เพราะว่า เซลล์กล้ามเนื้อมีความสามารถในการเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่าเซลล์ไขมัน ดังนั้นถ้าเรามีเซลล์กล้ามเนื้อมากซึ่งได้จากการออกกำลังกาย ก็จะทำเรามีระบบการเผาผลาญที่ดีตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุย่อมดีกว่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น การอดอาหาร เป็นต้น

งานวิจัยที่ 1: เป็นงานวิจับของมหาลัยแม็กกิลที่แคนาดาพบว่า ถ้าคุณทดแทนน้ำมันทุกชนิดในอาหารของคุณซึ่งก็ล้วนเป็นกรดไขมันสายยาวทั้งนั้น เช่น น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวัน แม้กระทั่งน้ำมันมะกอก แต่ทดแทนด้วยน้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นกรดไขมันสายกลาง กินต่อเนื่องไปตลอดปี คุณจะลดน้ำหนักได้ถึง 15 กิโลกรัมต่อปี อย่างไรก็ตามนักวิจัยทีมนี้กล่าวว่า คุณต้องไม่กินนมและผลิตภัณฑ์นมวัว เพราะนั่นเป็นแหล่งน้ำมันจากสัตว์ ต้องไม่กินเฟรนซ์ไฟร์ซึ่งเป็นน้ำมันปาล์มทอดซ้ำ ไม่กินขาหมู ข้าวมันไก่ ซึ่งเป็นกระทำที่ทำได้ยากทีเดียว แต่มันก็ช่วยเรื่องสุขภาพได้ดีทีเดียวเช่นกัน (St-Onge, M. and Jones, P.J.H. Physiological effects of medium-chain triglycerides: potential agents in the prevention of obesity. J of Nutr 2002;132(3): 329-332.)

งานวิจัยชิ้นที่ 2: เป็นงานวิจับของสกาลฟี กล่าวว่า พลังงานที่ใช้ก่อนและหลัง มื้ออาหารที่ใส่น้ำมันสายกลาง พบว่าในคนปกติเมื่อกินน้ำมันมะพร้าว อัตราการเผาผลาญพลังงานจะเพิ่มขึ้น 48% ครั้นศึกษาในคนอ้วนพบว่า น้ำมันมะพร้าวช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญถึง 65% เลยที่เดียว นั้นแปลว่า คนยิ่งอ้วนยิ่งถูกกระตุ้นให้เผาผลาญอาหารได้เร็วขึ้นด้วยน้ำมันมะพร้าวมากกว่าคนผอม ด้วยเหตุนี้คนที่มีรูปร่างผอมอยู่แล้ว การกินน้ำมันมะพร้าวไม่น่าจะเห็นผลที่ชัดเจนมากนัก (Scalfi, L., et. Al. Postpandial thermogenesis in lean and obese subjects after meals supplemented with medium-chain and long-chain triglycerides. Am J Clin Nutr 1991; 53:1130-1133.)

งานวิจัยชิ้นที่ 3: เป็นงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Obesity โดนสตับบส์และคณะ ดป็นการศึกษาเปรียบเทียบความหิวกระหายระหว่าการกินกรดไขมันสายกลาง (น้ำมันมะพร้าว) และกรดไขมันสายยาว (น้ำมันขนิดอื่นๆ) พยว่า น้ำมันมะพร้าวทำให้ผู้บริโภคอิ่มเร็วและอิ่มนานกว่าน้ำมันประเภทอื่นๆ งานวิจัยชิ้นนี้มีความนัยอยู่ว่า การกินน้ำมันมะพร้าวจะได้ผลลดน้ำหนักก็ต่อเมื่อ คนนั้นกินแคลอรี่รวมน้อยลงด้วย น้ำมันมะพร้าวมีผลเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารของร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่เหลือน้ำมันตกค้างภายในร่างกายจนสะสมเป็นความอ้วน ซึ่งหมายถึงพฤติกรรมเรื่องการออกกำลังกาย จำเป็นด้วย ถ้าเพียงแต่กินน้ำมันมะพร้าวแล้วนั่งเฉยๆย่อมได้ผลลัพธ์ที่น้อยกว่า (Stubbs, R.J. and Harbron, C.G., Covert manipulation of the ration of medium to long-chain triglycerides in isoenergetically dense diets: effect on food intake in ad libitum feeding men. Int. J. Obs 1996; 20:435-444.)


คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็นมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ในการป้องกันโรคมะเร็ง?
ตอบ

1. มะเร็งลำไส้ : ได้มีการศึกษาน้ำมันชนิดต่างๆ ในหนูทดลองซึ่งถูกกระตุ้นด้วยสารก่อมะเร็งชื่อ azoxymethane ผลปรกฎว่า น้ำมันมะพร้าวมีผลชงักการเจริญเติบโตของมะเร็งลำไส้ ที่กระตุ้นด้วยสารก่อมะเร็ง ได้ดีกว่าน้ำมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันมะกอก โดยน้ำมันมะกอกและน้ำมันมะพร้าว ต่างก็สร้าง adenocarcinomas ในระดับเท่ากันคือ 3 % แต่ในสัตว์ทดลองที่มีลำไส้เล็กที่เลี้ยงด้วยน้ำมันมะพร้าว ไม่เกิดเ้ื่นื้องอก ในขณะที่สัตว์ทดลองที่เลี้ยงด้วยน้ำมันมะกอกเกิดเนื้องอก 7% (Reddy and Macura 1984)

2. มะเร็งเต้านม : จากผลการวิจัยของ Cohen และคณะ (1984, 1986a, b, 1987) แสดงให้เห็นถึงผลของน้ำมันมะพร้าวในการชงักการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม ที่ถูกกระตุ้นทางเคมี ในขณะที่น้ำมันอื่นๆไม่ได้ชงักเลย ในกรณีนี้ การเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยของคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดในสัตว์ทดลองที่เลี้ยงด้วยน้ำมันมะพร้าวมีผลต่อต้านมะเร็ง เมื่อเปรียบเทียบกับการเลี้ยงด้วยน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน น้ำมันมะพร้าวมีผลในการไปลดคอเลสเตอรอลรวมในกระแสเลือด และลดการเกิดเนื้องอกมากกว่า

3. มะเร็งผิวหนัง : จากผลการวิจัยของ Nolasco และคณะ (1994) ได้ทดลองใช้สารเคมีกระตุ้นให้เกิดมะเร็งผิวหนังในหนูทดลอง ซึ่งมะเร็งจะพัฒนาขึ้นภายใน 20 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามเมือใช้น้ำมันมะพร้าวร่วมกับสารเคมี ก็ไม่เกิดมะเร็งขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจาก น้ำมันมะพร้าวมมีโมเลกุลขนาดเล็กจึงสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในผิวหนังได้ง่าย จึงช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้ดี และยังช่วยให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัยด้วย

4. มะเร็งตับ : จากการศึกษาของ Balatano-Jayme และคณะ (1976) การบริโภคน้ำมันมะพร้าวสามาถป้องกันตับไม่ให้เกิดมะเร็งที่เกิดจากผลของอัลฟาทอกซินได้ โดยสารนี้สร้างขึ้นโดยเชื้อรา Aspergillus flava ซึ่งน้ำมันมะพร้าวสามารถฆ่าได้

ที่มา: น้ำมันมะพร้าวป้องกันมะเร็งตับได้อย่างไร? โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา หน้า 17-20


คำถาม
วิตามินอี (Vitamin E) ซึ่งพบได้ในน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็นมีประโยชน์อย่างไร ?
ตอบ
ได้มีการศึกษาวิจัยมากมายเกี่ยวกับประโยชน์ของวิตามินอี ซึ่งในปัจจุบันได้ยอมรับว่ามันมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ดีโดยไปขัดขวางปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของสารในร่างกาย จึงเป็นตัวที่ถูกออกซิไดส์เองแทนสารอื่นๆในร่างกายที่มีความไวต่อการถูกออกซิไดส์ได้น้อยกว่า ป้องกันไขมันไม่อิ่มตัวที่กินเข้าไปรวมกับออกซิเจนซึ่งจะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ช่วยขยายหลอดเลือดและป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ ทำให้การไหลเวียนดีขึ้น ป้องการการเกาะตัวของเกร็ดเลือดที่ผนังหลอดเลือด จึงช่วยลดการอุดตันของคอเลสเตอรอล ทั้งตัวมันเองยังมีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล ทำให้ร่างกายมีการนำพาออกซิเจนได้อย่างสะดวก ส่งผลให้ร่างกายใช้ออกซิเจนได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้มีการผลัดผิวหนังขึ้นมาใหม่ ช่วยเพิ่มการทำงานของอินซูลิน ทำให้ระบบประสาทดีขึ้นสามารถทำงานได้ตามปกติ ช่วยทำให้ระบบสืบพันธ์เป็นปกติ รักษาอาการเป็นหมันได้ ช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจกได้ และยังเชื่อว่าทำลายฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งได้ด้วย โดยวิตามินอีที่พบในน้ำมันมะพร้าวนั้นจะต้องเป็นกระบวนการสกัดเย็นจึงจะสามารถรักษาวิตามินอีตัวนี้ไว้ได้ในปริมาณสูง

คำถาม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) มีประโยชน์ต่อผิวหนังและเส้นผมอย่างไรบ้าง ?
ตอบ
น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคที่ผิวหนัง เช่น กลากเกลื้อน ฮ่องกงฟุต ผิวหนังเป็นผื่น อักเสบ ตลอดจนผิวหนังแห้งที่แห้งหยาบ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ทำให้ผิวเนียนนุ่ม จึงช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นตื้นๆได้ รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก โดยการทาชโลมทั่วบริเวณนั้น แล้วใช้ผ้าสะอาดพันรอบซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ โดยผิวหนังที่เสียสภาพไปนั้นอย่าขูดออก พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำ และปล่อยให้มันลอกหลุดไปเองซึ่งจะทำให้ไม่เป็นแผลเป็นหรือเป็นน้อยที่สุด รักษาโรคผิวหนังสะเก็ดเงิน หนังศรีษะแห้งลอก ด้วยการหมักผมทิ้งไว้ก่อนใช้แชมพูสระผมผสมโคลทาร์ อย่างไรก็คามโรคนี้รักษาไม่หายขาด ดังนั้นเราต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น และน้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์ต่อเส้นผมคือ ช่วยให้ผมนิ่ม ช่วยรักษาผมแห้งแตกปลาย ช่วยบำรุงหนังศีรษะป้องกันรังแคทำให้เส้นผมดกดำ

คำถาม
อยากทราบว่าการนำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มาหมักผม จะต้องทำอย่างไร ?
ตอบ

การหมักผมส่วนใหญ่แล้ว ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งนึงใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็เพียงพอแล้ว และถ้าบางคนต้องการนำมาใช้เป็นเซรั่มบำรุงผม ให้ใฃ้ลูบผมปริมาณน้อยๆ จับที่บริเวณโคนผมแล้วลูบมาที่ปลายผม ผมจะสวย เงางาม ไม่ต้องล้างออก เส้นผมไม่เสียแน่นอน

เคล็ดลับผมสวยด้วยน้ำมันมะพร้าว

บำรุงเส้นผมไม่ให้ร่วง

ป้องการผมหลุดร่วงโดยบำรุงผมให้แข็งแรงถึงรากผมด้วยการใช้ขิงแก่นำมาบดแล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง ผสมน้ำมันมะพร้าวประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ นำมาคลึงที่หนังศีรษะให้ทั่วเป็นเวลานานประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด การประคบดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นรากผมให้ผมที่งอกขึ้นมามีรากผมที่แข็งแรง และไม่หลุดร่วง

ลดความมันของเส้นผม ปกป้องผมจากรังแค

ด้วยการใช้มะนาวหรือมะกรูดผสมกับน้ำมันมะพร้าวประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมดังกล่าวมาชโลมผม ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วจึงล้างออกและสระด้วยยาสระผม และครีมบำรุงผมมะกรูด - มีองค์ประกอบของสารไนอาซีน เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และกรดอินทรีย์อื่นๆ ที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้เส้นผมนุ่ม มีน้ำหนัก เงางาม ดกดำ และไม่มีรังแค ช่วยปรับค่า pH ของเส้นผมที่มีค่าความเป็นด่างสูง ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้แชมพู อีกทั้งยังช่วยบำรุงผมไม่ให้หงอกก่อนวัย

ฟื้นฟูผมเสียสู่สภาพปกติ

บำรุงผมเสียให้กลับคืนสู่ผมที่มีสุขภาพดีได้ด้วยการนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก นำไปปั่นให้ละเอียดผสมน้ำมันมะพร้าว 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาหมักผมไว้เป็นเวลานาน 30 นาที หรืออาจจะใช้ตะไคร้ ให้นำมาปั่นผสมน้ำมันมะพร้าวแล้วเอาน้ำมาหมักผมที่แตกปลายให้กลับสู่สภาพปกติได้ดี

ผมนุ่มสลวยมีน้ำหนัก

ใช้กล้วยหอมที่สุกค่อนข้างจะงอม นำเอามายีหรือปั่นผสมกับน้ำมันมะพร้าว นำมาใช้หมักผมที่แห้งหมาดๆ แล้วทิ้งไว้เป็นเวลานาน 15-20 นาที เมื่อล้างออกแล้วให้ใช้มะกรูดเผา คั้นเอาน้ำมาชโลมผม นอกจากจะช่วยให้ผมมีน้ำหนัก และสปริงตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยให้ผมมีกลิ่นหอมและไม่แห้งแตกปลายอีกด้วย
กล้วยหอม  มีองค์ประกอบของสารเพคตินที่จะช่วยเคลือบเส้นผม ให้ผมนุ่มมันเงา นุ่มลื่น โดยแร่ธาตุต่างๆ อาทิ ฟอสฟอรัส แคลเซียม ฯลฯ จะช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ป้องกันเส้นผมถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ

ที่มา : www.pandintong.com


คำถาม

ทำไมถึงต้องซื้อน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) กับคุณ ?

ตอบ

เราให้หลักประกันแก่คุณทั้งเรื่องราคา คุณภาพสินค้าและระยะเวลาการจัดส่ง ดังนี้

  • ราคา : ราคาสินค้านั้นขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีในการผลิตและการตลาดเป็นสำคัญ ในระดับเทคโนโลยีการผลิตแบบเดียวกัน ทางเรามั่นใจว่าราคาสินค้าของเรานั้นไม่เอาเปรียบผู้บริโภคคนไทยอย่างแน่นอน
  • สินค้า : ถ้าสินค้าไม่มีคุณภาพ สีไม่ใสเหมือนน้ำ เกิดการเหม็นหืน กรุณาส่งกลับมาให้ทางเราตรวจสอบ ทางเรายินดีคืนเงินให้กับคุณเต็มจำนวน 100%
  • ระยะเวลาการจัดส่ง : เมื่อทางเราได้รับการยืนยันการสั่งซื้อรวมถึงการชำระเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปกติสินค้าจะถึงมือของท่านภายใน 2-3 วันทำการ ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางในการจัดส่งด้วย อย่างไรก็ตามถ้าสินค้าจัดส่งไม่ถึงมือของท่านภายใน 7 วันทำการ เราจะโอนเงินคืนให้คุณทันทีครึ่งหนึ่ง (50%) ของราคาสินค้าทั้งหมดในการสั่งซื้อครั้งนั้น


น้ำมันมะพร้าว