ทำไมพวกเราต้องนับจำนวนแคลอรี
www.coconut-virgin.com
อะไรที่ทำให้พวกเราอ้วน? โดยปกติแล้วก็คือการรับประทานอาหารที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย อาหารที่รับประมานเข้าไปนั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงาน ซึ่งจะวัดในรูปแบบของจำนวนแคลอรี แคลอรีนี่แหละที่จะทำให้ร่างกายของเราเกิดกระบวนการเผาผลาญขึ้น รวมไปถึงทำให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆด้วย จำนวนแคลอรีที่มากเกินไปจะถูกเปลี่ยนให้เป็นไขมัน และไขมันก็จะจากไปเป็นเซลล์ไขมันอย่างรวดเร็วเพื่อผลิตเซลลูไลต์ที่ต้นขา เซลลูไลต์บริเวณต้นขาก็คือเนื้อส่วนเกินที่อยู่รอบๆเนื้อขาที่แท้จริง และเซลลูไลต์ก็ยังหมายถึงเนื้อบริเวณก้นที่มากเกินขนาดอีกด้วย ยิ่งกินมากเท่าไร ขนาดของเซลลูไลต์ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
ปริมาณที่ร่างกายใช้แคลอรีในกิจกรรมบำรุงรักษาเหล่านี้ เรียกว่า ปริมาณพลังงานที่จำเป็นสำหรับการผดุงชีพเมื่อระบบการย่อยทางกายภาพและอารมณ์อยู่ในระยะพัก หรือ basal metabolic rate (BMR) มันก็คือจำนวนแคลอรีที่ร่างกายจะใช้ในขณะที่นอนพัก หรือภาวะที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ยังคงตื่นอยู่ กิจกรรมที่พวกเราทำต้องการแคลอรีในจำนวนที่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น แม้กระทั่งกิจกรรมที่ไม่ค่อยออกแรงเยอะก็ตาม อย่างน้อยที่สุดแคลอรีประมาณ 2 ใน 3 ของ จำนวนแคลอรีทั้งหมดที่พวกเราใช้ในแต่ละวันจะไปเพิ่มพลังให้กับกระบวนการเผาผลาญขั้นพื้นฐานในร่างกาย
พวกเราแต่ละคนล้วนมี BMR ที่แตกต่างกันออกไป ปัจจัยมากมายจะทำหน้าที่กำหนด BMR ของเรา รวมไปถึงปริมาณแคลอรีที่ร่างกายของเราต้องการและใช้ คนที่อายุยังน้อยจะต้องการแคลอรีสูงกว่าคนสูงอายุ คนที่เคลื่อนไหวร่างกายมากจะใช้แคลอรีมากกว่าคนที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อย คนที่อดอาหาร ขาดอาหาร หรือแม้แต่ลดน้ำหนัก จะใช้ปริมาณแคลอรีน้อยกว่า คนที่น้ำหนักมากเกินไปจะใช้แคลอรีน้อยกว่าคนที่ผอมบางหรือคนที่มีกล้ามเนื้อ นั่นหมายความว่าคนที่มีน้ำหนักมากเกินไปและคนที่กำลังจะลดน้ำหนักต้องกินอย่างน้อยๆเพื่อจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
สองปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดซึ่งพวกเราใช้ควบคุมและกำหนดน้ำหนักของร่างกายก็คือ การบริโภคแคลอรี และกิจกรรมที่ทำให้เราเคลื่อนไหวอวัยวะ ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งมีน้ำหนัก 150 ปอนด์ และงานของเขาเป็นงานเป็นงานที่จะต้องนั่งอยู่กับที่ เช่น พนักงานคอมพิวเตอร์ ชายคนนี้ต้องการแคลอรีประมาณ 1,600 แคลอรีสำหรับกระบวนการเผาผลาญขั้นพื้นฐาน และอีก 800 แคลอรี สำหรับกิจกรรมทางร่างกายในแต่ละวัน เขาจะต้องบริโภคจำนวนแคลอรีทั้งหมดรวม 2,400 แคลอรีต่อวันเพื่อรักษาน้ำหนักของเขาไว้ น้ำหนักที่เขาได้รับสามารถมาจากสองปัจจัย 1. ถ้าเขารับประทานมากกว่า 2,400 แคลอรี จำนวนแคลอรีทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นจะเปลี่ยนไปเป็นไขมันแทน และเขาก็จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 2. ถ้าร่างกายของเขาเคลื่อนไหวน้อยกว่าที่เป็นอยู่ เขาจะใช้แคลอรีน้อยกว่าเดิมและส่วนที่เกินมานั้นจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นไขมัน เพราะฉะนั้น ชายคนนี้สามารถลดน้ำหนักได้ 2 วิธี 1. ถ้าเขาบริโภคอาหารเข้าไปในปริมาณที่ไม่ถึง 2,400 แคลอรี ร่างกายของเขาก็จะผลิตแคลอรีจากเนื้อเยื่อที่มีการสะสมของไขมันสูง 2. ถ้าเขาออกกำลังกาย ร่างกายของเขาก็จะใช้ขั้นไขมันของเขาในการเพิ่มพลังงานเวลาที่ระดับการเคลื่อนไหวของร่างกายที่มีมากขึ้น
การเพิ่มจำนวนแคลอรีอย่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพจะมีอยู่หลากหลายวิธี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคนแต่ละคนในการใช้ระดับการเคลื่อนไหวของร่างกายและขึ้นอยู่กับว่าเป็นชายหรือเป็นหญิง ผู้ชายที่ทำงานและมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวอย่างพอเหมาะ เช่น งานจำพวกยาม ภารโรง คนดูแลบ้าน ฯลฯ ต้องการจำนวนแคลอรีประมาณ 2,600-2,800 แคลอรีต่อวันเพื่อรักษาน้ำหนักของเขาไว้ สำหรับงานที่หนัก เช่น งานก่อสร้าง ต้องการจำนวนแคลอรีประมาณ 2,800-3,200 แคลอรีต่อวัน ผู้ชายที่มีรูปร่างมาตรฐานต้องการจำนวนแคลอรีประมาณ 2,200-3,200 แคลอรีต่อวัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เขาทำ สำหรับผู้หญิง โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงจะมีรูปร่างและกล้ามเนื้อเล็กกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงจึงต้องการจำนวนแคลอรีในอัตราส่วนทีน้อยกว่าด้วย คือ 2,000-2,800 แคลอรี
ที่มา: The Coconut Oil Miracle โดย Bruce Fife, C.N., N.D. หน้า 86 - 87
|