Language :

คำว่า "แม่"

khjuk

love1

        "แม่" นั้นสำคัญไฉน พวกเราเชื่อไหมครับว่า คำว่า "แม่" เป็นคำที่ทั่วโลกยอมรับ โดยใช้อักษร "ม" เหมือนกันหมด อักษร "ม" ในคำว่า "แม่" จะออกเสียงแตกต่างกันไปตามแต่ละชาติแต่ละภาษา แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ให้กำเนิดสตรีเพศผู้นั้น คือ แม่ ออกเสียงใกล้เคียงกัน เช่น

คนไทย เรียกว่า "แม่"
คนฝรั่งเศส เรียกว่า "มาแม"
คนแขก เรียกว่า "มามี๊''
คนจีน เรียกว่า "ม่าม๊า"
ภาษาบาลี เรียกว่า "มาตา"
ภาษาอังกฤษ เรียกว่า "มาเธอร์ (MOTHER)"
ภาษามาเลเซีย เรียกว่า "มะ"
ภาษาสันสกฤต เรียกว่า "มารดา"


นอกจากนั้นแล้วสิ่งใดก็แล้วแต่ที่มีอำนาจมีความแข็งแกร่งเป็นผู้ที่ให้กำเนิด มีความอดทนมีกำลังสูง เราใช้คำขึ้นต้นว่า "แม่" แทบทั้งสิ้นเช่น แม่โพสพ แม่คงคา แม่ธรณี แม่เหล็ก แม่แรงที่สามารถดีดรถให้สูงขึ้นไปได้ แม่ทัพ แม่พิมพ์ของชาติ และสมเด็จย่าของเราคือ แม่ฟ้าหลวง แม่บ้าน แม่เรือน แม่ครัว และการเรียนบาลีไวยากรณ์ ยังมีแม่กองบาลี แม่บท แม่บาท เป็นต้น

เราทุกคนเกิดมาล้วนมีบิดา-มารดา ด้วยกันทั้งสิ้น บางคนอาจจะมีพ่อหลายคนแต่ที่มีได้คนเดียวตลอดชีวิตคือ "แม่" ตั้งแต่เล็กจนโต คำแรกที่เราถูกฝึกให้เรียก ถูกสอนพร่ำบอก คือคำว่า "แม่" แม่คือผู้ให้ชีวิต แม่คือมิตรแท้ที่ถาวร แม่คือผู้สอน แม่คือผู้ให้ความรัก แม่คือผู้พิทักษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม่คือผู้ที่ให้ทรัพย์เนรมิต แม่คือผู้ที่ให้ชีวิตลูก ๆ ทุกคน ถ้าไม่มีแม่ วันนี้ก็คงไม่มีเรา

คำว่า "แม่" จึงทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์เป็นสากล และถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในใจของลูก ลูกควรจะต้องมีความระลึกอยู่เสมอว่า ผู้นี้แหละคือ ผู้ที่ให้กำเนิดผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเรา

การกล่าวคำว่า "แม่" ไม่ใช่เรียกเฉพาะสิ่งที่เป็นเพศหญิงหรือเพศแม่เท่านั้น บางครั้งการยกย่องชายให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีสูงส่งก็เรียกว่าแม่เหมือนกัน เช่น แม่ทัพนายกอง เราเรียกบุคคลหรือวัตถุสิ่งต่าง ๆ ที่สำคัญ นี่ล่ะ! คำว่าแม่ศักดิ์สิทธิ์ตรงนี้ และลักษณะคุณวิเศษของคำว่า "แม่" คือ แม่มีคุณลักษณะของจิตใจที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร เพราะคำว่าแม่นั้น ประกอบไปด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

เมตตาของแม่ คือ คิดจะให้ลูกมีแต่ความสุข ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่นเลย และลักษณะธรรมของเมตตา ตรงกันข้ามกับพยาบาท ฉะนั้น จิตใจของแม่ทุก ๆ ท่านประกอบไปด้วยเมตตาธรรม มีความหวังจะให้ลูกมีความสุขตั้งแต่เราอยู่ในครรภ์ แม่จะลูบท้องของตัวเอง คิดว่าลูกจะเป็นอย่างไร ลูกจะมีความสุขไหม จะทานอะไรก็ต้องระวัง นั่งก็ระวัง นอนก็ระวัง กลัวลูกจะได้รับความกระทบกระเทือนเป็นอันตรายต่อลูก

กรุณาของแม่ ปรารถนาจะให้ลูกพ้นจากความทุกข์ ธรรมะคือตัวกรุณานี้ตรงกันข้ามกับความเบียดเบียน จะเห็นได้ว่าแม่ของทุกคนได้เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อความสุขของลูก ทนลำบากตรากตรำตั้งแต่ลูกยังเล็กจนโต แม่อดเปรี้ยวไว้กินหวาน แม่พยายามเสียสละทรัพย์ทุกอย่างเพื่อแบ่งปันให้ลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรต้องการอะไร แม่ให้ได้ทุกอย่าง แม่จึงเหมือนขุมคลังที่เบิกได้ตลอดเวลา ลูกชอบอะไรแม่จะเสียสละหามาให้อยู่เสมอ มีแม่อยู่ท่านหนึ่ง มีความเสียสละต่อลูก ได้ซื้อก๋วยเตี๋ยวมากินกับลูก อยากจะให้ลูกกินของอร่อยกินให้อิ่ม จึงบอกกับลูกไปว่า "แม่ไม่ชอบกินหมูหรอก ลูกกินไปเถิด แม่ชอบกินแต่ผัก" (ทั้ง ๆ ที่ ฟันของแม่ก็ไม่ค่อยจะดี ใส่ฟันปลอม จะต้องมาเคี้ยวผักที่เหนียว ๆ) บางครั้งซื้อราดหน้ามากิน เขาจะใส่หน่อไม้มาด้วย กินเข้าไปแล้วจะเสาะท้อง ปวดท้อง แม่ก็บอกว่า แม่ชอบกิน เพื่อที่จะได้ให้ลูกทานแต่หมู เห็ด เป็ด ไก่ ความเสียสละทุกอย่างพรั่งพรูเพียบพร้อมอยู่ในจิตใจของแม่

มุทิตาจิตของแม่ คือพลอยยินดีเมื่อเห็นลูกได้ดี และธรรมที่ตรงกันข้ามกับมุทิตาจิต คือ ความริษยา แม่ไม่เคยอิจฉาริษยาลูกเลย ลูกทุกคนได้ดี แม่ก็มีความสุข พลอยดีใจไปด้วยในความรู้สึกของแม่แล้ว ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ลูกได้ดีขนาดไหน ลูกสอบได้ ลูกจะเข้าทำงาน แม่ก็ดีใจคุยแล้วคุยอีก

อุเบกขาธรรมของแม่ คือ วางใจไม่ลำเอียง การวางใจของแม่เห็นได้ชัดตรงที่ลูกได้ดีเติบโตไป หรือว่าออกเหย้าออกเรือนไปมีลูกมีหลาน แม่ก็วางใจว่ารักลูกเท่ากัน ลูกคนไหนจะทำไม่ดีหรือทำดีอย่างไร แม่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ และเรียกลูกได้เต็มปากว่าลูกอย่างนั้นลูกอย่างนี้ ลูกอย่าทำอย่างนั้น ลูกอย่าทำอย่างนี้ ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน ไม่ว่าลูกจะทำไม่ดีอย่างไร แม่ก็ยังมีใจเป็นกลาง วางใจไม่ลำเอียง เวลาให้เมตตา กรุณา มุทิตา ให้เท่า ๆ กันหมด แต่ลูก ๆ ของแม่ที่มีลูกหลายคน ลูกคนกลางอาจคิดว่าแม่รักลูกคนโตมากกว่า รักคนนั้นคนนี้มากกว่าตน แต่ความจริงแล้ว ความรักของแม่เสมอเหมือนเท่ากันหมด และขอบอกไปถึงผู้ที่เป็นลูกทุกคน ที่กำลังมีความรู้สึกว่าแม่ไม่รักเรา หรือมีใครรักเรามากกว่าแม่ ผู้ปกครองของพวกวัยรุ่นที่เป็นลูกสาวลูกชายทั้งหลาย บางครั้งเราบ่นลูก จู้จี้กับลูก เราลองไม่พูดไม่บ่น และลองถามลูก ๆ ของตนเองว่า เช่น ถ้าเรามีลูกชายแล้วลูกไปชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ทุ่มเทหลงใหลโทรศัพท์ทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งเรามีความรู้สึกว่า ลูกไม่รักเราเลย ลูกรักผู้หญิงคนอื่นมากกว่า แล้วเราจะบอกอย่างไรว่า คนที่ลูกรักนั้นเขารักลูกไม่เท่ากับที่แม่รัก เราก็ถามลูกชายของเราว่า ผู้หญิงคนที่ลูกรักคนนั้นมีหน้าตาดีใช่ไหม ผิวพรรณวรรณะดี ความรู้เขาดี แล้วถูกใจลูกใช่ไหม! ใช่ อาการเขาครบ ๓๒ แล้วเราลองตั้งคำถามถามลูกเราว่า แม่ขอถามอย่างหนึ่ง ถ้าในอนาคตหากแฟนของลูกมีเคราะห์ร้ายประสบอุบัติเหตุ เพราะธรรมชาติทุกอย่างนั้นไม่เที่ยง และลูกยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่เขาได้รับอุบัติเหตุแขนด้วนไปข้างหนึ่ง หรือเกิดอุบัติเหตุตาบอดข้างหนึ่ง ลูกยังจะรักเขาอยู่ไหม ลองตั้งคำถามให้ลูกตอบ เขาแขนด้วนหรือตาบอดไปแล้วลูกจะแต่งงานกับเขาไหม ลองจี้จุดถามลูกเรา หรือถ้าเรามีลูกสาวเราก็ถามในแบบเดียวกันว่า ถ้าแฟนของลูกเกิดอุบัติเหตุแขนด้วนขาด้วน ลูกจะยังรักเขาอยู่ไหม ลูกจะยังไม่สามารถตอบได้ทันที เด็กจะต้องคิด แต่ที่แน่นอน ไม่ว่าหนู ๆ น้อง ๆ หลาน ๆ จะมีความพิกลพิการ อาการเกิดไม่ครบ ๓๒ ขึ้นมา คุณแม่ของหนู ๆ ท่านก็ยังรักเราเหมือนเดิมและยิ่งจะเอาใจใส่มากขึ้นด้วย เพราะว่าจิตของแม่นั้นเต็มไปด้วยพรหมวิหารธรรม

นี่คือความโดดเด่นของความเป็นแม่ แม่ยอมลำบากตรากตรำเพื่อลูกได้ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จะขี้ริ้วขี้เหร่แม่ก็ดูว่าสวย ลูกจะมีความพิกลพิการแม่ก็รัก แต่คนอื่นใครเล่าจะมารักเราเท่าแม่ แม่ของเราได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ความรักให้ความเมตตา ให้ความจริงใจ ไม่ว่าลูกจะทำอย่างไร จะเป็นอย่างไร พิกลพิการง่อยเปลี้ยเสียขา หรือตกอับอนาถา แม่ก็ยังพร้อมเผชิญ พร้อมที่จะอุ้มชูฟูมฟักทะนุถนอม ยิ่งลูกมีความพิกลพิการมากขึ้นหรือมีความบกพร่องและมีความเสียใจมากขึ้น แม่ก็จะเป็นผู้ชำระความทุกข์ให้ลูกได้เสมอ แล้วเราเหล่าบรรดาลูกทั้งหลายละจะไม่คิดที่จะทดแทนพระคุณแม่บ้างเลยหรือ?

 

ดเด่

 


Validate the code with the W3C Validate the code with the W3C Link Exchange